• ตอบกระทู้
  • ตั้งกระทู้ใหม่
QUOTE 

รีวิว เจียรหินสะเก็ดดาว(Tektite) "อัญมณีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระกฤษณะ"

เจ้าของร้าน

รีวิว เจียรหินสะเก็ดดาว(Tektite) "อัญมณีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระกฤษณะ"

สะเก็ดดาว(Tektite) หรือที่คนไทยเรียกว่า"อุลกมณี" มีหลายชื่อที่เรียกหากัน อุกกามณี แก้วข้าว สะเก็ดดาว เหล็กไหลต่างดาว คดปลวก พลอยจันทรคราส หยดน้ำฟ้า(ตามรูปร่างที่ปรากฏ) สะเก็ดดาว หรืออุลกมณี ตรงกับคำว่า "เทกไทต์(tektite)" ในภาษาอังกฤษ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า "เทกโตส(Tektos)" ในภาษากรีก ที่แปลว่า หลอมละลาย อุลกมณีที่พบจะมีเนื้อแก้ว ส่วนใหญ่สีดำทึบคล้ายนิล บางชิ้นมีเนื้อในสีน้ำตาลใส บางชิ้นก็มีเนื้อโปร่งแสงสีเขียว(โมลดาไวต์(Moldavite) ซึ่งจริงๆจะนับเป็นเทกไทต์ชนิดหนึ่ง) ผิวของอุลกมณีจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ รูปลักษณ์สัณฐานของอุลกมณีไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลม ยาวแบน แท่งกลมยาว คนไทยบางท่านเชื่อว่าสามารถแบ่งอุลกมณี เป็นชนิดต่างๆตามรูปร่าง เช่น ตัวผู้(รูปทรงเป็นแท่งคล้ายลึงค์) หรือตัวเมีย(รูปทรงกลม) มนุษย์เรารู้จักอุลกมณีมานานแล้ว โดยเชื่อกันว่าเป็นสะเก็ดดาวจากนอกโลก ที่ตกเข้ามายังพื้นผิวโลก

แต่ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาและทราบว่าแท้จริงแล้ว อุลกมณี หรือ tektite เป็นทรายที่เกิดบนโลกที่เกิดจากการหลอมละลายจากความร้อนจากการพุ่งชนของอุกกาบาต ขณะที่ทรายในบริเวณดังกล่าว หลอมละลายและกระเซ็นขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วเกิดการเย็นและแข็งตัวกลางอากาศ ก่อนจะตกกลับคืนสู่พื้นดิน จึงทำให้เกิดรูปร่างหลากหลายแบบ จากลักษณะของการกระเซ็นและการตกลงมา สีของอุลกมณีจะมีความแตกต่างกันจากการเกิด ซึ่งขึ้นกับธาตุที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวที่เกิดการหลอมละลาย มีแร่ธาตุอะไรเข้าไปผสมอยู่ด้วย

ลักษณะของสะเก็ดดาว ถูกนิยามโดย ฟรานซ์ อีดูอาต ซุเอส(Franz Eduard Suess (1867–1941)) นักธรณีวิทยาชาวออสเตรเลีย โดยกำหนดว่า:
1. องค์ประกอบโดยรวมต้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งก้อน
2. ปริมาณน้ำและสารระเหยอื่นๆ ต้องมีต่ำมาก
3. องค์ประกอบหลักต้องเป็นแร่ซิลิกาชนิดที่ไม่มีรูปผลึก(Lechatelierite)4. ปกติจะไม่มีรูปผลึกขนาดเล็กที่มีชื่อเรียกว่า ไมโครไลต์(microlites) และต้องมีองค์ประกอบทางเคมีสัมพันธ์กับชนิดหินดานหรือหินตะกอนในบริเวณนั้น
5. มีการกระจายตัวแบบหว่านอยู่บนพื้นที่

แม้ว่า เมื่อดูสะเก็ดดาวเผินๆ คล้ายคลึงกับแก้วภูเขาไฟบางชนิด เช่น ออฟซิเดียน(obsidians) แต่ก็มีลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นแตกต่างจากแก้วชนิดดังกล่าว ดังนี้:
ประการแรกมันจะเป็นแก้วที่สมบูรณ์ และไม่มีไมโครไลต์(microlites) ซึ่งแตกต่างจากแก้วภูเขาไฟบนบก
ประการที่สองแม้ว่าจะมีซิลิกาสูง (มากกว่า> 65%) องค์ประกอบของสารเคมีและองค์ประกอบของไอโซโทปของสะเก็ดดาวใกล้เคียงกับหินชนวน และหินตะกอนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และแตกต่างจากองค์ประกอบทางเคมีและองค์ประกอบของไอโซโทปของแก้วภูเขาไฟ
ประการที่สามปริมาณน้ำ สะเก็ดดาวแทบไม่มีน้ำ (คือ น้อยกว่า <0.02% น้ำหนัก) ซึ่งแตกต่างจากแก้วภูเขาไฟ
ประการที่สี่การไหลเวียนของชั้นภายในสะเก็ดดาว มักมีอนุภาคและแถบของแร่ซิลิกาชนิดไม่มีรูปผลึก(lechatelierite) ซึ่งไม่พบในแก้วภูเขาไฟ
ประการสุดท้ายมีเพียงไม่กี่ส่วนผสมที่มีเพียงเล็กน้อยในสะเก็ดดาว ได้แก่ ควอตซ์ อะพาร์ไทต์(apatite) เซอร์คอน(zircon) แร่โคอีไซต์(coesite) 
 
ส่วนใหญ่จะใช้ความแตกต่างของปริมาณน้ำ เพื่อนำมาใช้เพื่อแยกสะเก็ดดาวจากแก้วภูเขาไฟ คือเมื่อให้ความร้อนจนถึงจุดหลอมเหลวแล้ว แก้วภูเขาไฟจะเกิดฟองเนื่องจากการที่มีน้ำและสารระเหยอื่นๆเยอะกว่าเมื่อนำมาเทียบกับสะเก็ดดาวที่จะมีฟองน้อยกว่ามาก

ด้วยองค์ประกอบของหินที่มีลักษณะของซิลิกาและมีความเป็นแก้วสูง ทำให้การเจียรนัยไม่ง่ายนัก ต้องเจียรโดยช่างที่มีทักษะ, ประสบการณ์สูง, และการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับเนื้อหิน

รับเจียรหินตามแบบลูกค้า


www.stonecuttinghut.lnwshop.com

Line: kate_jewel

Tel : 090-991-9529

แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

MEMBER

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม20,676 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด11,580 ครั้ง
เปิดร้าน11 ต.ค. 2557
ร้านค้าอัพเดท1 พ.ย. 2568
พูดคุย-สอบถาม